วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทำบุญวันเกิด ไหว้พระ9วัดอย่างไรไม่ให้เหนื่อย

Posted on 19:24 by nokjung


ทำบุญวันเกิด

ไหว้พระ 9 วัด อย่างไรไม่ให้เหนื่อย





เกิดเป็นพุทธศาสนิกชนถ้าได้ตระเวนไหว้พระจนครบ 9 วัด ถือเป็นบุญผลาอานิสงส์ แล้วถ้าได้ไปกับคนที่เรารักก็ยิ่งพิเศษสุด เรื่องดีๆ แบบนี้ “เอไอเอส เซเรเนด”
“อิ่มบุญ อุ่นรัก” พาคู่แม่ลูก 18 คู่ ไปทำบุญไหว้พระเสริมสิริมงคล 9 วัดที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ประกอบด้วย 1.วัดพนัญเชิงวรวิหาร 2.วัดใหญ่ชัยมงคล 3.วิหารพระมงคลบพิตร 4.วัดหน้าพระเมรุราชิการาม 5.พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเจ้าสามพระยา 6. 7.วัดมเหยงค์ 8.วัดไชยวัฒนาราม และ 9.วัดสุวรรณดารามราชวรวิหาร
ไปไหว้พระอยุธยาคราวนี้ “อ.แพน” เผ่าทอง ทองเจือ เป็นไกด์นำเที่ยวให้ความรู้ตลอดทริป ได้ความรู้คู่การท่องเที่ยวแบบนี้ แม่ลูกเซเรเนดคู่ไหนๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะท้อถอยถึงแม้ว่าอยุธยาช่วงสิบโมงเช้าแดดจะเริ่มแข็งแล้ว
เมื่อคิดถึงกรุงเก่าภาพเจดีย์สูงใหญ่ล่องลอยมาแต่ไกล จากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วจะเห็นเจดีย์วัดสามปลื้ม (เจดีย์กลางถนน)1 กิโลเมตร “วัดใหญ่ชัยมงคล” อยู่ทางซ้ายมือ “อ.แพน” ไกด์กิตติมศักดิ์เล่าให้ฟังว่า ตามพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขากล่าวว่า วัดแห่งนี้เดิมชื่อ ‘วัดป่าแก้ว’ พระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีสร้างไว้ตั้งแต่อยุธยาตอนต้น ส่วน “เจดีย์ชัยมงคล” องค์นี้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2135 ถือว่าสูงใหญ่ที่สุดในอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรโปรดให้สร้างพระเจดีย์เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา
แต่คนไทยเราเมื่อมากับผู้รู้ ‘สุริโยไท’ ภาพยนตร์แห่งสยามประเทศ ดาราชื่อดัง ศรัณยู วงษ์กระจ่าง แสดงเป็นพระเฑียรราชาซึ่งต่อมาได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น ‘พระมหาจักรพรรดิ’ ส่วน สรพงษ์ ชาตรี สวมบทหมื่นราชเสน่หา แล้วความที่เป็นวัดป่าของพระฝ่ายอรัญวาสีที่อยู่ห่างไกลตัวเมือง นักโบราณคดีจึงเชื่อกันว่าวัดนี้แหละที่พระเฑียรฯ มารวมพลคิดการลับโค่นล้มราชบัลลังก์ของแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์
มาถึงอยุธยาก็ต้องไปไหว้ หลวงพ่อมงคลบพิตรมีพระพักตร์เหลี่ยม พระขนงโค้งอ่อนหวาน เป็นพุทธลักษณะศิลปะอยุธยาตอนต้น แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ซึ่งนักประวัติศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่า พระไชยราชา รัชกาลที่ ขอแนะนำให้มองหาไกด์บุ๊คเล่มเล็กที่วางขายอยู่ในตู้หนังสือของแต่ละวัด อย่างเช่น เพราะเล่มนี้พิมพ์พ.ศ. วัดต่อไป “วัดหน้าพระเมรุ” ไหว้พระพุทธรูปทรงเครื่องงดงามที่สุดในอยุธยา ‘พระพุทธนิมิตพิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลก’ อ.เผ่าทองเล่าไปถึง พ.ศ. 2092 เกิดสงครามช้างเผือกโดยบุเรงนองยกทัพมาในแผ่นดินพระมหาจักรพรรดิ อ้างขอช้างเผือก 1 เชือก ไปไว้ที่หงสาวดี แต่โดยธรรมเนียมนั้นช้างเผือกเป็นของคู่บุญกษัตริย์ ใช่ว่าจะให้กันได้ บุเรงนองจึงยกทัพมาล้อมกรุงศรี และใช้วัดนี้เป็นฐานที่ตั้งค่ายรบพม่า …ขุนทัพนายกองพม่าคงนอนระเกะระกะในอุโบสถวัดนี้

อ.เผ่าทองว่า คือเป้าหมายต่อไปที่จะต้องเล่าคู่กัน ไหว้เศียรพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ซึ่งพบที่วัดธรรมิกราชแล้ว เดินไปทางซ้ายอีกสักนิดก็ยิ่งอิ่มเอมกับกลุ่มพระพุทธรูปที่บรรจุอยู่ในพระอุระซ้ายของพระมงคลบพิตร ซึ่งพบเมื่อปี 2499
“คติของการสร้างพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแต่โบราณเราจะใส่พระพุทธรูปเข้าไปในองค์พระ ซึ่งเป็นการบรรจุความศักดิ์สิทธิ์สร้างให้ท่านมีชีวิต! พระอุระ และสะดือที่ถือว่าเป็นศูนย์กลาง เราได้พระชุดนี้มาเพราะปูนองค์พระมงคลบพิตรกะเทาะ แล้วถึงรู้ว่าองค์พระมีพระพุทธรูปล้ำค่าอีกมากมายแต่เราก็ไม่สกัดอีกแล้ว”
เมื่อโจร (ไทย) เข้าไปขุดกรุเจดีย์ ก็ปรากฏให้คนทั้งโลกตื่นตะลึง! โจรได้หลอมเป็นก้อนเพื่อขายได้ง่ายขึ้น!! เจดีย์ทุกองค์ในอยุธยามีเครื่องทอง สันนิษฐานว่าชาวบ้านได้ฝึกลิงให้ลงไปเก็บทอง! คนไม่สามารถลอดลงไปได้ แล้วเมื่ออิฐถล่มลงมาก็ทับลิงตายเป็นซากอยู่ในกรุนั้น!!
“วัดพนัญเชิง” ไหว้พระพุทธไตรรัตนนายก (ซำปอกง) คือจุดหมายต่อไป วัดนี้สร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.1893) แสดงถึงความเป็นอาณาจักรที่มั่งคั่งจึงสามารถสร้างวัดใหญ่โตขนาดนี้ได้ แล้วเมื่อตอนเสียกรุงครั้งที่ 2 นั้น หลวงพ่อโตซำปอกงมีน้ำตาไหลอาบใบหน้า พระพุทธรูปองค์นี้จึงถือเป็นพระเสี่ยงทายสำคัญ

ตบท้ายของวันแรกที่ “วัดมเหยงค์” ปัจจุบันเป็นวัดร้างใน ต.หันตรา โบราณสถานที่ยังเหลือปรากฏอยู่ คือ พระอุโบสถที่ใหญ่โตกว่าวัดอื่นๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์ช้างล้อมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัสยาวด้านละ 32 เมตร มีช้างเห็นได้ทั้งตัว ประดับโดยรอบองค์พระเจดีย์เป็นแบบลังกา เหมือนพระเจดีย์ช้างล้อมที่จังหวัดสุโขทัย เป็นวัดน่าเที่ยวอีกวัดหนึ่ง
วันรุ่งขึ้นไปไหว้พระต่อกันที่ “วัดไชยวัฒนาราม” วัดนี้จำลองแบบมาจากปราสาทนครวัดเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในสงครามที่อยุธยามีต่อเขมร จากการนำทัพของเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ประวัติศาสตร์ยุคนี้จากคำบอกเล่า อ.เผ่าทอง ต้องบอกว่าเข้มข้นถึงใจ (แบบโหดๆ) จากมหาดเล็กในราชสำนักยุคสมเด็จพระเอกาทศรถ ก้าวขึ้นมากินตำแหน่งเจ้าพระยากลาโหมฯ ได้นั้นต้องนับว่าไม่ธรรมดา และแผ่นดินนี้กษัตริย์ถึงสองพระองค์
‘สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง’ ผู้สร้างวัดนี้ไว้เมื่อ พ.ศ. 2137 และวัดสุดท้าย “วัดสุวรรณดารามราชวรวิหาร” เดิมชื่อว่า ‘วัดทอง’ อยู่ในเขตพระนครด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมือง เหนือบริเวณป้อมเพชร์ เป็นวัดที่พระบรมมหาชนกของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสร้างไว้ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
ให้สถาปนาวัดทองขึ้นใหม่และพระราชนามว่า “วัดสุวรรณดาราราม” เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระบรมชนกนาถและพระบรมราชชนนี ตามพระนามเดิมของทั้งสองพระองค์คือ ‘ทองดี’ และ ‘ดาวเรือง’

No Response to "ทำบุญวันเกิด ไหว้พระ9วัดอย่างไรไม่ให้เหนื่อย"

Leave A Reply